ข้อกำหนดและเงื่อนไขฉบับนี้ (“ข้อกำหนดใช้บริการ”) มีผลบังคับใช้กับผู้ใช้บริการร้านค้าออนไลน์ (“ผู้ใช้บริการ”) ที่ลงทะเบียนและเข้าใช้งานระบบจัดการร้านค้าออนไลน์แบบครบวงจรภายใต้เครื่องหมายการค้าที่ชื่อ “Order Plus” ซึ่งให้บริการโดย บริษัท ไบด์เซอร์ เทค จำกัด (“ผู้ให้บริการ”)
ผู้ใช้บริการมีหน้าที่ในการศึกษาและพิจารณาข้อกำหนดใช้บริการในประกาศฉบับนี้อย่างรอบคอบก่อนลงทะเบียนหรือสมัครสมาชิก โดยการลงทะเบียนและเข้าใช้บริการผ่านเว็บไซต์นี้ ถือว่าผู้ใช้บริการได้ยอมรับและตกลงที่จะปฏิบัติตามข้อกำหนดใช้บริการทุกประการ
คำนิยาม
“ผู้ให้บริการ” หมายถึง บริษัท ไบด์เซอร์ เทค จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของและผู้ดำเนินงานภายใต้เครื่องหมายการค้าที่ชื่อ “Order Plus” หรือชื่ออื่นใดที่ใช้แสดงถึงบริการดังกล่าว และให้หมายรวมถึงการให้บริการทั้งหมดหรือบางส่วน ไม่ว่าจะดำเนินการผ่านเว็บไซต์ แพลตฟอร์ม หรือช่องทางอื่นใดของบริษัท
“ผู้ใช้บริการ” หมายถึง บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่เข้าถึงการใช้งาน เว็บไซต์ แพลตฟอร์ม หรือช่องทางอื่นใดของผู้ให้บริการ
“ผู้ให้บริการขนส่ง” หมายถึง นิติบุคคลที่ประกอบธุรกิจให้บริการรับ–ส่งพัสดุภายในราชอาณาจักรไทย ซึ่งมีความร่วมมือเป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการ (Order Plus) โดยตรง เพื่อให้บริการจัดส่งสินค้าแทนผู้ใช้บริการ หรือในนามผู้ใช้บริการผ่านระบบของ Order Plus
“การให้บริการ” หมายถึง การให้บริการระบบบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์แบบครบวงจรภายใต้เครื่องหมายการค้าที่ชื่อ Order Plus ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง
บริการทั้งหมดนี้ให้ไว้ผ่านทางเว็บไซต์ แพลตฟอร์ม หรือช่องทางอื่นใดของผู้ให้บริการ เพื่อสนับสนุนกระบวนการขาย
การจัดส่ง การจัดการร้านค้าและลูกค้าของผู้ใช้บริการ
“ข้อมูล” หมายถึง ข้อมูลใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลธุรกิจ หรือข้อมูลอื่นใด ที่ผู้ใช้บริการหรือผู้รับมอบอำนาจของผู้ใช้บริการให้ไว้แก่ผู้ให้บริการผ่านระบบหรือแพลตฟอร์มใด ๆ ของผู้ให้บริการ
“ค่าบริการ” หมายถึง ค่าธรรมเนียม หรือค่าดำเนินการอื่นใดที่ผู้ให้บริการเรียกเก็บจากผู้ใช้บริการตามอัตราที่กำหนดไว้บนเว็บไซต์ แพลตฟอร์ม หรือช่องทางอื่นใดของผู้ให้บริการ
“มาตรการส่งดี” (Dee – Delivery) หมายถึง แนวปฏิบัติและหลักเกณฑ์ที่ออกโดย สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ภายใต้ ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจการให้บริการขนส่งสินค้าโดยเรียกเก็บเงินปลายทางเป็นธุรกิจที่ควบคุมรายการในหลักฐานการรับเงิน พ.ศ. 2567 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป
“ชำระเงินปลายทาง” หรือ “COD” (Cash on Delivery) หมายถึง รูปแบบการชำระเงินค่าสินค้าที่ผู้บริโภคจะชำระต่อพนักงานจัดส่งสินค้าหรือผู้ให้บริการขนส่ง ณ เวลาที่ได้รับสินค้าตามคำสั่งซื้อ โดยมิได้ชำระเงินล่วงหน้าผ่านระบบออนไลน์หรือช่องทางอื่นก่อนการจัดส่ง
หมวดที่ 1 การใช้งานบัญชีของผู้ใช้บริการ
ข้อ 1. ผู้ใช้บริการมีหน้าที่ต้องให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นจริงทุกประการแก่ผู้ให้บริการ เพื่อประโยชน์ในการให้บริการจัดส่งสินค้าและการประสานงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ในบางกรณี ผู้ให้บริการอาจร้องขอเอกสารหรือหลักฐานเพิ่มเติมจากผู้ใช้บริการ เพื่อยืนยันตัวตนหรือประกอบความถูกต้องของข้อมูลตามที่เห็นสมควร และผู้ใช้บริการตกลงให้ความร่วมมือโดยไม่มีเงื่อนไข
หากปรากฏภายหลังว่าผู้ใช้บริการได้ให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ บิดเบือน หรือไม่ครบถ้วน อันอาจส่งผลกระทบต่อความถูกต้องในการให้บริการ ผู้ให้บริการขอสงวนสิทธิ์ในการระงับหรือยกเลิกการให้บริการในทันที และอาจเรียกร้องค่าเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้นจากการกระทำดังกล่าวได้ตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง
ข้อ 2. ผู้ให้บริการไม่อนุญาตให้ผู้ใช้บริการนำเข้า ส่งออก หรือกระทำการใด ๆ อันเกี่ยวข้องกับข้อมูลหรือเอกสาร ผ่านระบบหรือเว็บไซต์ของผู้ให้บริการ ในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ ฮาร์ดแวร์ หรือซอฟต์แวร์ ไม่ว่าจะโดยเจตนา หรือประมาทเลินเล่อ รวมถึงการกระทำที่เข้าข่ายเป็นการแทรกแซง ดัดแปลง แพร่กระจายไวรัสคอมพิวเตอร์ หรือโปรแกรมที่เป็นอันตราย ทั้งนี้ ผู้ให้บริการมีอำนาจดำเนินคดีแก่ผู้ใช้บริการกรณีที่การกระทำนั้นเข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมายว่าด้วยอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
ข้อ 3. ในกรณีที่ผู้ใช้บริการมอบหมายหรืออนุญาตให้บุคคลภายนอกซึ่งมิได้มีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรงในการดูแลหรือบริหารจัดการบัญชี เข้าถึงหรือใช้งานระบบแทน ผู้ให้บริการจะถือว่าการกระทำของบุคคลดังกล่าวเป็นการกระทำของผู้ใช้บริการโดยสมบูรณ์ และหากการกระทำนั้นก่อให้เกิดความเสียหาย สูญเสียผลประโยชน์ หรือผลกระทบใด ๆ ผู้ให้บริการจะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายดังกล่าวไม่ว่าในกรณีใด
ข้อ 4. ผู้ให้บริการไม่อนุญาตให้ผู้ใช้บริการโอน หรือจำหน่ายจ่ายโอนสิทธิ หน้าที่ หรือข้อผูกพันใด ๆ ภายใต้ข้อกำหนดใช้บริการฉบับนี้ รวมถึงนโยบายความเป็นส่วนตัว แก่บุคคลอื่นหรือนิติบุคคลใด ๆ ไม่ว่าในกรณีใด โดยเด็ดขาด เว้นแต่จะได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้ให้บริการล่วงหน้า
การฝ่าฝืนข้อนี้อาจเป็นเหตุให้ผู้ให้บริการระงับหรือยกเลิกการให้บริการทันที และสงวนสิทธิในการเรียกร้องค่าเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้นจากการโอนสิทธิหรือหน้าที่โดยมิชอบดังกล่าว
ข้อ 5. ผู้ให้บริการขอสงวนสิทธิ์ในการปฏิเสธการให้บริการจัดส่งสินค้าที่มีลักษณะหรือเข้าข่ายเป็นสิ่งของต้องห้าม หรือขัดต่อข้อกำหนดของผู้ให้บริการขนส่งที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งของดังต่อไปนี้
ทั้งนี้ ผู้ให้บริการขอสงวนสิทธิ์เพิ่มเติมในการไม่รับขนส่งสิ่งของอื่นใดนอกเหนือจากรายการข้างต้น หากเห็นว่าอาจก่อให้เกิดความเสี่ยง หรือไม่เหมาะสม โดยจะประกาศแจ้งเตือนผ่านทางเว็บไซต์โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
หมวดที่ 2 การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ข้อ 6. ผู้ให้บริการเคารพในสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้บริการ และจะไม่เปิดเผย นำไปใช้ หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการให้แก่บุคคลภายนอก หรือนิติบุคคลใด ๆ ไม่ว่าเพื่อวัตถุประสงค์ใด เว้นแต่ในกรณีดังต่อไปนี้:
ทั้งนี้ การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ จะดำเนินการภายใต้หลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ใน พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และนโยบายความเป็นส่วนตัวของผู้ให้บริการอย่างเคร่งครัด
หมวดที่ 3 การยกเลิกบริการ
ข้อ 7. การยกเลิกบริการโดยผู้ใช้บริการ ผู้ให้บริการขอสงวนสิทธิ์ในการไม่คืนค่าบริการในกรณีที่ผู้ใช้บริการประสงค์จะยกเลิกการใช้บริการ หรือปรับลดระดับบริการก่อนครบกำหนดระยะเวลาตามสัญญา โดยผู้ใช้บริการไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าบริการคืน ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่บางส่วน เว้นแต่จะได้ระบุไว้เป็นอย่างอื่นในข้อตกลง หรือมีความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้ให้บริการโดยชัดแจ้ง
ข้อ 8. การยกเลิกบริการโดยผู้ให้บริการ ในกรณีที่ผู้ให้บริการเป็นฝ่ายยกเลิกบริการเอง ผู้ให้บริการจะดำเนินการคืนค่าบริการให้ตามความเป็นจริง โดยจะหักค่าบริการ ค่าขนส่ง หรือค่าใช้จ่ายอื่นใดที่ผู้ใช้บริการมีหน้าที่ต้องชำระไว้แล้วตามที่กำหนดไว้ในข้อตกลง
หมวดที่ 4 การชดใช้ค่าเสียหาย
ข้อ 9 หากผู้ให้บริการตรวจพบว่าผู้ใช้บริการมีการละเมิดข้อตกลงหรือข้อกำหนดใช้บริการ ผู้ให้บริการจะดำเนินการแจ้งเตือนผ่านช่องทางการติดต่อที่ผู้ใช้บริการได้แจ้งไว้ล่วงหน้า หากผู้ใช้บริการไม่ดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องภายในระยะเวลาที่กำหนด ผู้ให้บริการมีสิทธิระงับหรือยกเลิกการให้บริการโดยไม่ต้องคืนค่าบริการใด ๆ ทั้งสิ้น
ความรับผิดชอบในกรณีที่เกิดความเสียหายหากการกระทำของผู้ใช้บริการส่งผลกระทบต่อระบบ เครือข่าย ความปลอดภัย หรือชื่อเสียงของผู้ให้บริการ ผู้ใช้บริการจะต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด และผู้ให้บริการสงวนสิทธิ์ในการเรียกร้องค่าเสียหายเพิ่มเติมตามสิทธิที่กฎหมายให้ไว้
หมวดที่ 5 การระงับบริการ กรณีบัญชีผู้ใช้บริการไม่มีความเคลื่อนไหว
ข้อ 10. ผู้ให้บริการขอสงวนสิทธิ์ในการระงับการให้บริการของผู้ใช้บริการรายใดก็ตาม ที่ไม่มีการใช้งานระบบหรือไม่ได้ใช้บริการติดต่อกันเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 90 วัน ผู้ให้บริการมีสิทธิระงับการให้บริการได้โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า และผู้ใช้บริการยินยอมให้ผู้ให้บริการริบเงินค่าบริการที่ได้ชำระไว้แล้ว (หากมี)
หมวดที่ 6 การระงับบริการชั่วคราว
ข้อ 11. ผู้ให้บริการอาจระงับการให้บริการทั้งหมดหรือบางส่วนเป็นการชั่วคราวด้วยเหตุจำเป็นบางประการ เช่น การปรับปรุงระบบ การบำรุงรักษา การป้องกันความเสี่ยงด้านความปลอดภัย หรือเหตุสุดวิสัยอื่นใด ทั้งนี้ ในกรณีที่มีการระงับบริการสำหรับบริการที่มีค่าธรรมเนียม ผู้ให้บริการขอสงวนสิทธิ์ในการไม่คืนค่าบริการสำหรับระยะเวลาที่มีการระงับบริการดังกล่าว
ข้อ 12. ผู้ให้บริการมีสิทธิระงับการใช้งานบัญชีของผู้ใช้บริการไว้ชั่วคราว หากอยู่ในระหว่างขั้นตอนการตรวจสอบการกระทำที่อาจเข้าข่าย “ฉ้อโกง” หรือพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงพัสดุเก็บเงินปลายทาง (COD) โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งล่วงหน้า หากผลการตรวจสอบไม่พบพฤติกรรมที่ผิดกฎหมาย ระบบจะอนุญาตให้ใช้งานต่อได้ตามปกติ
ข้อ 13. ในกรณีที่คำสั่งซื้อที่ส่งแล้วถูกตีกลับ (ไม่สำเร็จ) เกินร้อยละ 15 ของคำสั่งซื้อทั้งหมดภายในระยะเวลาใด ๆ ผู้ให้บริการมีสิทธิระงับการให้บริการของผู้ใช้บริการชั่วคราว เพื่อทำการตรวจสอบว่าพฤติกรรมดังกล่าวเข้าข่ายการกระทำความผิดตามกฎหมายหรือไม่ หากการตรวจสอบแล้วไม่เข้าข่าย ระบบจะอนุมัติให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติ
ข้อ 14. ผู้ให้บริการมีสิทธิระงับพัสดุ หรือระงับการให้บริการ หากตรวจพบว่าผู้ใช้บริการมียอดค้างชำระสะสมมากกว่าหรือเท่ากับ 1 รายการ หรือในระดับที่ผู้ให้บริการเห็นสมควร โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
หมวดที่ 8 ข้อจำกัดความรับผิดของผู้ให้บริการ
ข้อ 15. ผู้ให้บริการไม่รับผิดชอบต่อความเสียหาย สูญหาย หรือค่าเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้นจากการใช้บริการของผู้ใช้บริการ ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม และไม่ว่าจะเกิดจากความผิดพลาด ความล่าช้า การขัดข้องทางระบบ หรือความบกพร่องในการใช้งานของผู้ใช้บริการเอง
กรณีมีเหตุให้ผู้ให้บริการต้องรับผิดตามกฎหมายหรือข้อตกลงใด ๆ ผู้ให้บริการขอสงวนสิทธิ์ในการจำกัดความรับผิดต่อความเสียหายที่แท้จริงเท่านั้น โดยมูลค่าความรับผิดสูงสุดไม่เกิน 2,500.00 บาท (สองพันห้าร้อยบาทถ้วน) ต่อเหตุการณ์ หรือจำนวนอื่นใดตามที่ผู้ให้บริการเห็นสมควร โดยไม่รวมถึงค่าเสียหายเชิงลงโทษ หรือค่าเสียหายโดยอ้อม เช่น ค่าเสียโอกาสทางธุรกิจ หรือผลกำไรที่คาดว่าจะได้รับ
กรณีที่ผู้ให้บริการพบว่าผู้ใช้บริการฝ่าฝืนข้อกำหนดใช้บริการข้อ 5 นี้ และสินค้าดังกล่าวเกิดความเสียหาย หรือสูญหายจากการขนส่งของผู้ให้บริการขนส่ง ผู้ให้บริการสงวนสิทธิ์ในการไม่รับผิดชอบต่อความเสียหาย หรือสูญหาย อย่างใด ๆ แก่สินค้าดังกล่าว
หมวดที่ 9 การเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดและเงื่อนไข
ข้อ 16. ผู้ให้บริการขอสงวนสิทธิ์ในการแก้ไข เปลี่ยนแปลง ปรับปรุง หรือเพิ่มเติมข้อตกลง เงื่อนไขการใช้บริการ โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้า
การเปลี่ยนแปลงใด ๆ ดังกล่าวจะมีผลใช้บังคับในทันทีที่มีการเผยแพร่บนเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มของผู้ให้บริการ และผู้ใช้บริการตกลงที่จะผูกพันและยอมรับข้อกำหนดที่มีการเปลี่ยนแปลงนั้นโดยปริยายจากการใช้งานระบบหรือบริการอย่างต่อเนื่อง
หมวดที่ 10 ค่าบริการ
ข้อ 17. ผู้ใช้บริการตกลงและยินยอมชำระค่าบริการตามอัตราที่ผู้ให้บริการกำหนด และผู้ให้บริการขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงอัตราค่าธรรมเนียมดังกล่าวได้ตลอดเวลา โดยผู้ให้บริการจะแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้าผ่านช่องทางที่ผู้ให้บริการกำหนด และการที่ผู้ใช้บริการยังคงใช้บริการต่อไปภายหลังเปลี่ยนแปลงอัตราค่าบริการ ถือว่าผู้ใช้บริการตกลงและยินยอมชำระค่าบริการตามอัตราที่มีการเปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้ ผู้ใช้บริการยินยอมให้ผู้ให้บริการมีสิทธิหักเงินจากยอดเงินคงเหลือในระบบบัญชีของผู้ใช้บริการโดยอัตโนมัติในวันที่ถึงรอบกำหนดชำระค่าบริการ และผู้ใช้บริการตกลงที่จะรักษายอดเงินคงเหลือในบัญชีดังกล่าวให้เพียงพอต่อการหักเงินเพื่อชำระค่าบริการตามที่กำหนดไว้ หากผู้ให้บริการพบว่าจำนวนเงินที่คงเหลือในบัญชีไม่เพียงพอต่อการหักเงินค่าบริการ ผู้ให้บริการมีสิทธิระงับบัญชีการใช้บริการชั่วคราวจนกว่าผู้ใช้บริการจะเพิ่มยอดเงินในบัญชีให้เพียงพอต่อการหักเงินเพื่อชำระค่าบริการ
ข้อ 18. ผู้ใช้บริการเข้าใจและยอมรับว่า เงินที่โอนหรือเติมเข้าระบบเพื่อชำระค่าบริการ ไม่สามารถถอนหรือขอคืนได้ในทุกกรณี ไม่ว่าจะทั้งหมดหรือบางส่วน เว้นแต่ในกรณีที่ผู้ให้บริการเป็นฝ่ายยกเลิกการให้บริการโดยสมัครใจหรือเหตุอื่นใดที่ผู้ให้บริการพิจารณาแล้วเห็นสมควร
ในกรณีผู้ให้บริการอนุมัติคืนค่าบริการ ผู้ให้บริการจะคืนค่าบริการให้ตามจำนวนที่แท้จริง หลังจากหักค่าบริการ หรือค่าใช้จ่ายอื่นใดที่ผู้ใช้บริการมีหน้าที่ต้องชำระให้แก่ผู้ให้บริการตามที่กำหนดไว้ภายใน 30 วันทำการ หลังหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ครบถ้วน ถูกต้องแล้ว
ข้อ 19. ผู้ใช้บริการตกลงและยินยอมให้ผู้ให้บริการมีสิทธิหักเงินจากยอดเงินคงเหลือในบัญชีของผู้ใช้บริการโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ในกรณีดังต่อไปนี้
ข้อ 20. หากผู้ให้บริการตรวจสอบภายหลังและพบว่าผู้ใช้บริการได้ระบุน้ำหนักพัสดุไม่ถูกต้อง หรือคลาดเคลื่อนไปจากน้ำหนักจริงที่ตรวจวัดได้ ผู้ให้บริการขอสงวนสิทธิ์ในการเรียกเก็บค่าบริการส่วนต่างเพิ่มเติมจากผู้ใช้บริการตามอัตราค่าบริการที่แท้จริง โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งล่วงหน้า
หมวดที่ 11 เบ็ดเตล็ด
ข้อ 21. หากข้อใดในข้อตกลงนี้ถูกศาลหรือหน่วยงานที่มีอำนาจวินิจฉัยว่าบังคับใช้ไม่ได้ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือเป็นโมฆะ ข้อกำหนดอื่น ๆ ที่เหลือจะยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไปโดยไม่ถูกกระทบกระเทือน
ข้อ 22. ข้อตกลงนี้อยู่ภายใต้บังคับแห่งกฎหมายไทย และให้ศาลไทยมีอำนาจพิจารณาข้อพิพาทที่เกิดขึ้นจากการใช้บริการหรือข้อตกลงนี้
ข้อ 23. การที่ผู้ให้บริการมิได้ใช้สิทธิตามข้อตกลงฉบับนี้ ไม่ว่าจะทั้งหมดหรือบางส่วน มิให้ถือว่าเป็นการสละสิทธิ และไม่เป็นการตัดสิทธิในการใช้สิทธิดังกล่าวในอนาคต
ข้อ 24. การติดต่อผู้ให้บริการ หากผู้ใช้บริการประสบปัญหาในการใช้งาน หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับบริการ สามารถติดต่อผู้ให้บริการได้ทางอีเมล [email protected] หรือผ่านช่องทางอื่นตามที่บริษัทกำหนดและแจ้งไว้บนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
บันทึกแนบท้ายข้อกำหนดใช้บริการ
ส่วนที่ 1 สิทธิของผู้บริโภคในการปฏิเสธการรับสินค้า และขอคืนเงินค่าสินค้า ที่มีการเรียกเก็บเงินปลายทาง (COD)
บริษัท ไบด์เซอร์ เทค จำกัด ในฐานะผู้ให้บริการระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ ซึ่งเชื่อมต่อกับผู้ประกอบธุรกิจที่ให้บริการขนส่งพัสดุและเรียกเก็บเงินปลายทางตามคำสั่งของผู้ส่งสินค้า ตกลงให้ความร่วมมือและปฏิบัติตาม ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจการให้บริการขนส่งสินค้าโดยเรียกเก็บเงินปลายทางเป็นธุรกิจที่ควบคุมรายการในหลักฐานการรับเงิน พ.ศ. 2567 อย่างเคร่งครัด เพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคและสร้างความเชื่อมั่นในการทำธุรกรรมออนไลน์ โดยมีสาระสำคัญที่ผู้ส่งสินค้าควรทราบ ดังนี้
คำนิยาม
1.1 “ผู้ให้บริการ” หมายถึง บริษัท ไบด์เซอร์ เทค จำกัด ผู้ให้บริการระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ที่เชื่อมโยงคำสั่งซื้อ
การชำระเงิน และการจัดส่งสินค้าผ่านผู้ให้บริการขนส่ง ภายใต้เครื่องหมายการค้าที่ชื่อ “Order Plus”
1.2 “ผู้ประกอบธุรกิจขนส่งซึ่งมีความร่วมมือเป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการ (Order Plus)” หมายถึง ผู้ให้บริการขนส่งที่เป็นพันธมิตรร่วมกันกับผู้ให้บริการเพื่อให้บริการจัดส่งพัสดุและเรียกเก็บเงินปลายทางจากผู้บริโภคตามคำสั่งของผู้ส่งสินค้า
1.3 “ผู้ส่งสินค้า” หมายถึง ผู้ใช้บริการระบบของผู้ให้บริการซึ่งส่งสินค้าให้ผู้บริโภคผ่านระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ โดยการจัดส่งสินค้าผ่านผู้ประกอบธุรกิจขนส่งซึ่งมีความร่วมมือเป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการ (Order Plus)
1.4 “มาตรการส่งดี” (Dee – Delivery) หมายถึง แนวปฏิบัติและหลักเกณฑ์ที่ออกโดย สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ภายใต้ ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจการให้บริการขนส่งสินค้าโดยเรียกเก็บเงินปลายทางเป็นธุรกิจที่ควบคุมรายการในหลักฐานการรับเงิน พ.ศ. 2567 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป
1.5 “ชำระเงินปลายทาง” หรือ “COD” (Cash on Delivery) หมายถึง รูปแบบการชำระเงินค่าสินค้าที่ผู้บริโภคจะชำระต่อพนักงานจัดส่งสินค้าหรือผู้ประกอบธุรกิจ ณ เวลาที่ได้รับสินค้าตามคำสั่งซื้อ โดยมิได้ชำระเงินล่วงหน้าผ่านระบบออนไลน์หรือช่องทางอื่นก่อนการจัดส่ง
ข้อ 1. ข้อกำหนดเกี่ยวกับการป้อนข้อมูลสินค้า
เพื่อให้การให้บริการขนส่งสินค้าแบบเก็บเงินปลายทาง (COD) เป็นไปตามข้อกำหนดของ ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่องธุรกิจควบคุมรายการในหลักฐานการรับเงิน พ.ศ. 2567 (“มาตรการส่งดี”) ผู้ส่งสินค้าตกลงและยินยอมที่จะดำเนินการดังนี้
ทั้งนี้ ผู้ให้บริการขอสงวนสิทธิ์ในการระงับหรือจำกัดการใช้งานบางฟังก์ชัน หากพบว่าผู้ส่งสินค้ามีพฤติกรรมหลีกเลี่ยงหรือจงใจให้ข้อมูลไม่ครบถ้วน และหรือไม่ถูกต้อง เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดตามกฎหมายและลดความเสี่ยงต่อการถูกร้องเรียนภายหลัง
ข้อ 2. การให้ข้อมูลผู้ส่งสินค้าเพื่อออกหลักฐานการรับเงิน
ผู้ส่งสินค้ารับทราบและยินยอมว่าเพื่อให้เป็นไปตามมาตรการส่งดี ผู้ประกอบธุรกิจขนส่งซึ่งมีความร่วมมือเป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการ (Order Plus) จะต้องจัดทำและออกหลักฐานการรับเงินซึ่งระบุข้อมูลสินค้ารายการที่จัดส่ง รวมถึงข้อมูลของผู้ส่งสินค้า และข้อมูลที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ
ในการนี้ ผู้ส่งสินค้าตกลงยินยอมให้ผู้ให้บริการมีสิทธินำส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคำสั่งซื้อ เช่น รายการสินค้า ข้อมูลติดต่อของผู้ส่งสินค้า และข้อมูลจำเป็นอื่น ๆ ไปยังผู้ประกอบธุรกิจขนส่งซึ่งมีความร่วมมือเป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการ (Order Plus) เพื่อใช้ในการจัดทำหลักฐานการรับเงินดังกล่าว โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
ข้อ 3. สิทธิของผู้บริโภคในการปฏิเสธสินค้า
ผู้บริโภคมีสิทธิปฏิเสธรับสินค้า หรือขอคืนเงินค่าสินค้าในกรณีดังต่อไปนี้
ข้อ 4. การปฏิเสธสินค้า ณ เวลารับมอบ
กรณีที่ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบสินค้า ณ เวลารับมอบได้ การตรวจสอบนั้นต้องกระทำต่อหน้าเจ้าหน้าที่ของผู้ประกอบธุรกิจขนส่งซึ่งมีความร่วมมือเป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการ (Order Plus) โดยบันทึกภาพถ่ายหรือวิดีโอตลอดระยะเวลาที่ตรวจสอบเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการอ้างถึงเหตุแห่งการปฏิเสธสินค้า หากตรวจสอบแล้วพบว่าสินค้าไม่ตรงกับคำสั่งซื้อ หรือพบว่าสินค้ามีความชำรุดบกพร่อง ผู้บริโภคมีสิทธิปฏิเสธการรับสินค้าได้ ทั้งนี้ การตรวจสอบนั้นต้องไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสินค้า
ข้อ 5. การปฏิเสธสินค้าและการขอคืนเงินภายหลังรับมอบสินค้า
กรณีที่ผู้บริโภคไม่สามารถตรวจสอบสินค้า ณ เวลารับมอบได้ ผู้บริโภคสามารถแจ้งผู้ประกอบธุรกิจขนส่งซึ่งมีความร่วมมือเป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการ (Order Plus) ในภายหลังได้ โดยอ้างอิงภาพถ่าย หรือวีดีโอ หากตรวจสอบแล้วพบว่าสินค้าไม่ตรงกับคำสั่งซื้อ หรือพบว่าสินค้ามีความชำรุดบกพร่อง และหากตรวจสอบแล้วเห็นว่าเป็นความจริงตามที่ผู้บริโภคแจ้ง หรือไม่มีการโต้แย้งจากผู้ประกอบธุรกิจ ภายใน 5 วันนับแต่วันที่ผู้บริโภคได้รับมอบสินค้า ผู้บริโภคมีสิทธิปฏิเสธสินค้า และมีสิทธิได้รับเงินที่ชำระปลายทางคืนเต็มจำนวน ทั้งนี้ การตรวจสอบข้อเรียกร้อง และการคืนเงินค่าสินค้าที่มีการเรียกเก็บปลายทาง เป็นหน้าทีของผู้ประกอบธุรกิจขนส่งซึ่งมีความร่วมมือเป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการ (Order Plus) โดยตรง
ข้อ 6. การขอคืนเงินกรณีที่ผู้บริโภคไม่ได้เป็นผู้สั่งซื้อสินค้า แต่ชำระเงินปลายทางแล้ว
กรณีผู้บริโภคแจ้งปฏิเสธสินค้าไปยังผู้ประกอบธุรกิจขนส่งซึ่งมีความร่วมมือเป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการ (Order Plus) โดยอาศัยเหตุว่าตนไม่ได้สั่งซื้อสินค้า ตามที่ระบุในข้อ 3 ค. และเงินที่เรียกเก็บปลายทางยังอยู่ในความครอบครองผู้ประกอบธุรกิจ ผู้ประกอบธุรกิจมีหน้าที่ในการคืนเงินให้แก่ผู้บริโภค เว้นแต่ผู้ประกอบธุรกิจจะสามารถพิสูจน์ได้ว่าผู้บริโภคเป็นผู้สั่งซื้อจริง
ข้อ 7. หลักเกณฑ์ในการถือเงินที่เรียกเก็บปลายทาง
ผู้ประกอบธุรกิจขน ส่งซึ่งมีความร่วมมือเป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการ (Order Plus) ซึ่งเป็นผู้รับเงินปลายทาง จะต้องถือเงินค่าสินค้าไว้ไม่น้อยกว่า 5 วัน นับแต่วันที่ผู้บริโภคได้รับพัสดุ โดยจะยังไม่โอนเงินให้แก่ผู้ให้บริการ จนกว่าจะพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าว เว้นแต่ เป็นกรณีเข้าข้อยกเว้น ตามข้อ 8
ข้อ 8. ข้อยกเว้นการถือเงินที่เรียกเก็บปลายทาง
ในกรณีที่ปรากฏหลักฐานชัดแจ้งว่าผู้บริโภคได้กดยืนยันรับสินค้าแล้ว ผู้ประกอบธุรกิจขนส่งซึ่งมีความร่วมมือเป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการ (Order Plus) มีสิทธิโอนเงินที่เรียกเก็บปลายทางให้แก่ผู้ให้บริการได้ทันที โดยไม่ต้องรอให้ครบกำหนดระยะเวลา 5 วันนับจากวันที่ผู้บริโภคได้รับพัสดุ
ข้อ 9. ระยะเวลาการคืนเงิน
หากผู้บริโภคแจ้งปฏิเสธการรับสินค้าและขอคืนเงิน ภายใน 5 วัน นับแต่วันที่ผู้บริโภคได้รับพัสดุ และอ้างเหตุแห่งการปฏิเสธตามข้อ 2 เมื่อผู้ประกอบธุรกิจขนส่งซึ่งมีความร่วมมือเป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการ (Order Plus) ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นความจริง ผู้ประกอบธุรกิจขนส่งซึ่งมีความร่วมมือเป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการ (Order Plus) ต้องคืนเงินเต็มจำนวนให้แก่ผู้บริโภคภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้ง
ข้อ 10. การโอนยอดเงินที่เรียกเก็บปลายทางให้ผู้ส่งสินค้า
ผู้ให้บริการจะดำเนินการโอนเงินที่เรียกเก็บปลายทางให้แก่ผู้ส่งสินค้า เมื่อได้รับโอนยอดเงินจากผู้ประกอบธุรกิจขนส่งซึ่งมีความร่วมมือเป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการ (Order Plus) หลังจากการจัดส่งสินค้านั้นผู้บริโภคไม่ได้มีการโต้แย้งภายในระยะเวลาที่กำหนด หรือผู้บริโภคยืนยันการรับสินค้า แล้วแต่กรณี
ข้อ 11. การระงับโอนยอดเงินที่เรียกเก็บปลายทางให้ผู้ส่งสินค้า
ในกรณีที่คำสั่งซื้อที่ส่งแล้วถูกตีกลับ (จัดส่งไม่สำเร็จ) เกินร้อยละ 15 ของคำสั่งซื้อทั้งหมด ภายในระยะเวลาใด ๆ ผู้ให้บริการมีสิทธิระงับการจ่ายเงินที่เรียกเก็บปลายทางของผู้ส่งสินค้าไว้ก่อน และดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติม หากพบว่าผู้ส่งสินค้ามีพฤติกรรมเข้าข่ายกระทำการหลอกลวง ฉ้อฉล หรือทุจริตใด ๆ ไม่ว่าการกระทำนั้นจะเป็นความผิดตามกฎหมายหรือไม่
ผู้ให้บริการมีสิทธิในการระงับการจ่ายเงินที่เรียกเก็บปลายทางดังกล่าว และส่งมอบเงินนั้นให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจขนส่งซึ่งมีความร่วมมือเป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการ (Order Plus) เพื่อคืนแก่ผู้บริโภคต่อไป
ทั้งนี้ การใช้สิทธิตามบันทึกแนบท้ายนี้ ไม่เป็นการตัดสิทธิผู้ให้บริการในการดำเนินการใด ๆ ตามข้อกำหนดใช้บริการ
หมายเหตุ สิทธิในการคืนเงินตามบันทึกแนบท้ายข้อกำหนดใช้บริการ ส่วนที่ 1 นี้ ไม่รวมถึงกรณีที่ผู้บริโภคเปลี่ยนใจหรือไม่ต้องการสินค้าโดยไม่มีความผิดพลาดเกิดขึ้น